top of page

2.3 ชนิดข้อมูลพื้นฐาน

         โปรแกรมภาษาไพทอนมีการแบ่งประเภทของข้อมูลออกเป็นหลายประเภท โดยมีประเภทข้อมูลพื้นฐาน คือ ข้อมูลประเภทข้อความ (string data type) และ ข้อมูลประเภทจำนวน (numerical data type)

2.3.1 ข้อมูลประเภทข้อความ

          การกำหนดข้อมูลที่เป็นข้อความหรือสตริงให้ใช้เครื่องหมายอัญประกาศครอบข้อความที่ต้องการกำหนด โดยเลือกใช้ได้ทั้งอัญประกาศเดี่ยว (‘’) หรือ (“”) ตามความเหมาะสม หรือ กรณีที่มีข้อความยาวหลายบรรทัด ต้องใช้เครื่องหมาย “” หรือ ‘’ ติดต่อกัน 3 ตัว ครอบหน้าและหลังข้อความ ดังตัวอย่าง ต่อไปนี้

ตัวอย่างที่ 2.4 การกำหนดข้อมูลชนิดข้อความ

2.4-ตย.PNG
2.4-ตย2.PNG

ผลลัพธ์ที่ได้คือ

จากตัวอย่างที่ 2.4 อธิบายดังนี้

  1. คำสั่งในบรรทัดที่ 1 เป็นการใช้เครื่องหมายอัญประกาศเดี่ยวเพื่อกำหนดตัวแปร organization เป็น “สสวท” ทำให้มีความยาว 6 ตัวอักษร (รวมเครื่องหมายอัญประกาศคู่ด้วย)

  2. คำสั่งบรรทัดที่ 2 ใช้เครื่องอัญประกาศคู่เพื่อกำหนดสตริงให้กับตัวแปร address 

  3. คำสั่ง Print() ในบรรทัดที่ 3 และ 4 นำค่าในตัวแปร organization และ address ออกมาแสดงผล

  4. คำสั่งในบรรทัดที่ 5 ใช้เครื่องหมาย ‘ จำนวน 3 ตัว กำหนดสตริงจำนวน 4 บรรทัดให้กับตัวแปร address 

  5. คำสั่งในบรรทัดที่ 6 นำค่าที่เก็บในตัวแปร address ออกมาแสดงผล

2.4 - เกร็ดน่ารู้.PNG

2.3.2 ข้อมูลจำนวน

          ภาษาไพทอนมีข้อมูลจำนวนที่สามารภนำไปคำนวณทางคณิตศาสตร์ได้หลายชนิด ในที่นี้จะแนะนำ 2 ชนิด คือ จำนวนเต็มแบบมีเครื่องหมาย (signed integer) หรือเรียกว่า จำนวนเต็ม (integer หรือ int) สามารถเก็บค่าจำนวนเต็มบวกและจำนวนเต็มลบ และจำนวนจริง (floating point number หรือ float) สามารถเก็บค่าทั้งจำนวนจริงบวกและจำนวนจริงลบ ที่อยู่ในรูปทศนิยมได้

ตัวอย่างที่ 2.5 การกำหนดข้อมูลจำนวนและการคำนวณพื้นฐาน

2.5-ตย.PNG

ผลลัพธ์ที่ได้คือ

2.5-ตย2.PNG

จากตัวอย่างที่ 2.5 อธิบายได้ดังนี้

      1. บรรทัดที่ 1 และ 2 กำหนดตัวแปร base และ height ชี้ไปที่ 10 และ 15 ตามลำดับ

      2. บรรทัดที่ 3 กำหนดให้ตัวแปร area ชี้ไปที่ผลจากการคำนวณ (1/2) * base * height ซึ่งเป็นการหาพื้นที่                        สามเหลี่ยมนั่นเอง (เมื่อใช้เครื่องหมาย * และ / กับข้อมูลจำนวน จะหมายถึง การคูณ และหารทาง              

          คณิตศาสตร์ตามลำดับ)

      3. บรรทัดที่ 4-6 เป็นคำสั่งแสดงผลของตัวแปร มีข้อสังเกตว่า คำสั่ง print () สามารถรับค่าที่ต้องการให้แสดง

           ผลได้มากกว่าหนึ่งค่า โดยเขียนแต่ละค่าหรือแต่ละตัวแปรเรียงกันไป คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค (,) เช่น 

           บรรทัดที่ 4-6 สามารถเขียนรวมกันได้ดังนี้

                          Print (“base =”,base, “height =”,height, “area =”, area)

      4. สังเกตอีกว่า คำสั่งในบรรทัดที่ 6 ได้ผลลัพธ์ของตัวแปร area แสดงออกมาในรูปแบบจจำนวนจริง

2.5-ชวนคิด.PNG
2.5-เกร็ดความรู้.PNG

ตัวอย่างที่ 2.6 ทอนเท่าไร

         นักเรียนซื้อแฟลชไดรฟ์ ขนาด 32 GB ราคา 117 บาท ที่ร้านสะดวกซื้อ โดยจ่ายเงินด้วยธนบัตรหนึ่งร้อยบาท 2 ใบ ในลิ้นชักเก็บเงินของร้าน มีแต่ธนบัตร 20 บาท และเหรียญหนึ่งบาท พนักงานจะต้องทอนเงินเป็นธนบัตร 20 บาท จำนวนกี่ใบ และเหรียญหนึ่งบาทจำนวนกี่เหรียญ ให้ใช้คำสั่งไพทอนแสดงวิธีหาคำตอบทีละลำดับ

               

 แนวคิดการแก้ปัญหา

          1. คำนวณจำนวนเงินทอน

          2. คำนวณจำนวนธนบัตรยี่สิบบาทที่ได้รับ จากจำนวนเงินทอน หารด้วย 20 โดยปัดเศษทิ้ง

          3. คำนวณจำนวนเหรียญบาทที่ได้รับ จากจำนวนเงินทอน หารด้วย 20 โดยนำมาเฉพาะเศษที่ได้จากการหาร

2.6-ตย.PNG

ผลลัพธ์ที่ได้คือ

2.6-ตย2.PNG
2.6-ชวนคิด.PNG

อ้างอิงจาก หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

                  สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ

bottom of page