
ว21172 เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)2
Benjamarachutit
Computing science2
2.3 ชนิดข้อมูลพื้นฐาน
โปรแกรมภาษาไพทอนมีการแบ่งประเภทของข้อมูลออกเป็นหลายประเภท โดยมีประเภทข้อมูลพื้นฐาน คือ ข้อมูลประเภทข้อความ (string data type) และ ข้อมูลประเภทจำนวน (numerical data type)
2.3.1 ข้อมูลประเภทข้อความ
การกำหนดข้อมูลที่เป็นข้อความหรือสตริงให้ใช้เครื่องหมายอัญประกาศครอบข้อความที่ต้องการกำหนด โดยเลือกใช้ได้ทั้งอัญประกาศเดี่ยว (‘’) หรือ (“”) ตามความเหมาะสม หรือ กรณีที่มีข้อความยาวหลายบรรทัด ต้องใช้เครื่องหมาย “” หรือ ‘’ ติดต่อกัน 3 ตัว ครอบหน้าและหลังข้อความ ดังตัวอย่าง ต่อไปนี้
ตัวอย่างที่ 2.4 การกำหนดข้อมูลชนิดข้อความ


ผลลัพธ์ที่ได้คือ
จากตัวอย่างที่ 2.4 อธิบายดังนี้
-
คำสั่งในบรรทัดที่ 1 เป็นการใช้เครื่องหมายอัญประกาศเดี่ยวเพื่อกำหนดตัวแปร organization เป็น “สสวท” ทำให้มีความยาว 6 ตัวอักษร (รวมเครื่องหมายอัญประกาศคู่ด้วย)
-
คำสั่งบรรทัดที่ 2 ใช้เครื่องอัญประกาศคู่เพื่อกำหนดสตริงให้กับตัวแปร address
-
คำสั่ง Print() ในบรรทัดที่ 3 และ 4 นำค่าในตัวแปร organization และ address ออกมาแสดงผล
-
คำสั่งในบรรทัดที่ 5 ใช้เครื่องหมาย ‘ จำนวน 3 ตัว กำหนดสตริงจำนวน 4 บรรทัดให้กับตัวแปร address
-
คำสั่งในบรรทัดที่ 6 นำค่าที่เก็บในตัวแปร address ออกมาแสดงผล

2.3.2 ข้อมูลจำนวน
ภาษาไพทอนมีข้อมูลจำนวนที่สามารภนำไปคำนวณทางคณิตศาสตร์ได้หลายชนิด ในที่นี้จะแนะนำ 2 ชนิด คือ จำนวนเต็มแบบมีเครื่องหมาย (signed integer) หรือเรียกว่า จำนวนเต็ม (integer หรือ int) สามารถเก็บค่าจำนวนเต็มบวกและจำนวนเต็มลบ และจำนวนจริง (floating point number หรือ float) สามารถเก็บค่าทั้งจำนวนจริงบวกและจำนวนจริงลบ ที่อยู่ในรูปทศนิยมได้
ตัวอย่างที่ 2.5 การกำหนดข้อมูลจำนวนและการคำนวณพื้นฐาน

ผลลัพธ์ที่ได้คือ

จากตัวอย่างที่ 2.5 อธิบายได้ดังนี้
1. บรรทัดที่ 1 และ 2 กำหนดตัวแปร base และ height ชี้ไปที่ 10 และ 15 ตามลำดับ
2. บรรทัดที่ 3 กำหนดให้ตัวแปร area ชี้ไปที่ผลจากการคำนวณ (1/2) * base * height ซึ่งเป็นการหาพื้นที่ สามเหลี่ยมนั่นเอง (เมื่อใช้เครื่องหมาย * และ / กับข้อมูลจำนวน จะหมายถึง การคูณ และหารทาง
คณิตศาสตร์ตามลำดับ)
3. บรรทัดที่ 4-6 เป็นคำสั่งแสดงผลของตัวแปร มีข้อสังเกตว่า คำสั่ง print () สามารถรับค่าที่ต้องการให้แสดง
ผลได้มากกว่าหนึ่งค่า โดยเขียนแต่ละค่าหรือแต่ละตัวแปรเรียงกันไป คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค (,) เช่น
บรรทัดที่ 4-6 สามารถเขียนรวมกันได้ดังนี้
Print (“base =”,base, “height =”,height, “area =”, area)
4. สังเกตอีกว่า คำสั่งในบรรทัดที่ 6 ได้ผลลัพธ์ของตัวแปร area แสดงออกมาในรูปแบบจจำนวนจริง
