top of page

1.2 เหตุผลวิบัติ

 

         การให้เหตุผลเป็นวิธีการหนึ่งที่สร้างความน่าเชื่อถือ ให้กับข้อคิดเห็นหรือข้อสรุปต่างๆ การให้เหตุผลที่เหมาะสม มีส่วนทําให้การตัดสินใจยอมรับความเห็นและข้อสรุปทําได้ ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม การให้เหตุผลมีทั้งที่เหมาะสมและ ไม่เหมาะสมแตกต่างกันไป

          ในปัจจุบันการให้เหตุผลที่ไม่เหมาะสม พบเห็นได้ มากขึ้น โดยผู้ให้เหตุผลอาจมีเจตนาบิดเบือนความจริง หรือคิดไปเอง ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง จนทําให้ เหตุผลเหล่านี้อาจจะกลายเป็น “เหตุผลวิบัติหรือตรรกะ วิบัติ” ได้ เหตุผลวิบัติ (logical fallacy) เป็นการโต้แย้ง โดยการให้เหตุผลที่คลาดเคลื่อนกับความเป็นจริง หรือมี ความเป็นจริงเพียงบางส่วน จึงนําไปสู่ข้อสรุปที่มีความขัดแย้งกับข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง เช่น การโต้แย้งบน เว็บบอร์ดหรือเครือข่ายทางสังคมที่มีการใช้ถ้อยคําประชด ประชัน การใช้ความรู้สึกส่วนตัว การใช้ถ้อยคําที่ก่อให้เกิด ความเกลียดชัง (hate Speech) ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ อาจนําไปสู่การสรุปผล หรือการตีความข้อสรุปจากการ โต้แย้งที่ไม่ได้นําข้อเท็จจริงมาพิจารณา ทําให้ผู้รับสาร ได้รับข่าวสารที่คลาดเคลื่อน

          คนจํานวนมากพยายามใช้ความเข้าใจหรือความเชื่อ ส่วนตัวที่อาจไม่ถูกต้องมาเป็นเหตุผลในการสรุปประเด็น ต่าง ๆ แม้ว่าผลสรุปสุดท้ายนั้นจะเป็นจริงหรือเท็จก็ตาม

ผมคิดว่าประเทศเรา น่าจะมีการรณรงค์ให้หยุดรถ เมื่อมีคนกําลังข้ามถนนตรง

ทางม้าลายอย่างจริงจัง

เหตุผลวิบัติสามารถจําแนกออกได้ 2 แบบดังนี้

          1. เหตุผลวิบัติแบบเป็นทางการ เกิดจากการให้ เหตุผลที่ใช้หลักตรรกะไม่ถูกต้อง แต่เขียนอยู่ในรูปแบบ ที่เป็นทางการทําให้ดูสมเหตุสมผล ตัวอย่างเหตุผลวิบัติ แบบเป็นทางการ เช่น

          ซึ่งถ้านักเรียนฟังแล้วอาจตีความว่า ถ้าเลือก แล้วจะ มีการพัฒนาหมู่บ้าน แต่ในความเป็นจริง ถึงแม้จะถูกเลือก ก็อาจจะไม่มีการพัฒนาหมู่บ้านก็ได้

          2. เหตุผลวิบัติแบบไม่เป็นทางการ เกิดจากการให้ เหตุผลที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้หลักตรรกะในการพิจารณา แต่เป็นการสันนิษฐาน หรือเล่นสํานวน ซึ่งเกิดจากการใช้ ภาษาชักนําให้เกิดความเข้าใจผิด เช่น การพูดกํากวม หรือ การพูดมากเกินความจําเป็น

ตัวอย่างเหตุผลวิบัติแบบไม่เป็นทางการ 

©  การให้เหตุผลโดยอ้างถึงลักษณะของตัวบุคคลโดยไม่สนใจเนื้อหาสาระของข้อความ เช่น

ซึ่งความคิดเห็นของผู้พูดอาจเป็นความคิด ที่ดีก็ได้ แต่คนฟังไม่สนใจในประเด็นที่พูด แต่มุ่ง ประเด็นไปที่ผู้พูดซึ่งเป็นเด็ก

© การให้เหตุผลโดยอ้างถึงผู้พูดว่ามีพฤติกรรมขัดแย้ง

กับสิ่งที่พูดเพราะฉะนั้นสิ่งที่พูดมาจึงเชื่อถือไม่ได้ เช่น

          เหตุผลที่พ่อให้นั้นถูกต้อง แต่ลูกไม่ได้สนใจ ความถูกต้องนั้น แต่มุ่งประเด็นไปที่พฤติกรรมของ พ่อซึ่งขัดแย้งกับสิ่งที่พ่อกําลังสอน

© ให้เหตุผลโดยอ้างถึงคนส่วนใหญ่ปฏิบัติเหมือนกัน เพราะฉะนั้นจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เช่น

          ผู้พูดรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ทําไม่ถูกต้อง แต่อ้างถึง ผู้อื่นที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องเหมือนกัน เพื่อเป็นเหตุผล ให้ตนไม่ต้องปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง

© ให้เหตุผลเกินจริง โดยการบอกเหตุผลว่าเมื่อเกิดสิ่งนี้

แล้วจะทําให้เกิดอีกสิ่งหนึ่งตามมา ซึ่งเกินจากความ เป็นจริงไปมาก เช่น

          การโต้แย้งของนาย ข เกินความเป็นจริง ไปมาก ซึ่งนาย ก มีเจตนาให้นักเรียนใส่เพียง หน้ากากอนามัยในช่วงเวลาหรือบริเวณที่มีฝุ่น จํานวนมาก ไม่ต้องการอะไรมากเกินไปกว่านั้น

©  ให้เหตุผลโดยอ้างว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นสิ่งพิเศษไม่เหมือนใคร เพราะฉะนั้นจะเอาไปเทียบกับสิ่งอื่นไม่ได้ ทั้งที่ ประเด็นที่กล่าวอ้างนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่โต้แย้ง กันอยู่เลย เช่น

          สิ่งที่ลุงทํานั้นไม่ถูกต้อง แต่ให้เหตุผลโดยอ้างถึง ความพิเศษที่เป็นผู้ใหญ่ ซึ่งไม่ต้องปฏิบัติก็ได้

© ให้เหตุผลโดยอ้างถึงความน่าสงสาร หรือความเห็นอก เห็นใจแล้วเปลี่ยนเป็นความถูกต้อง เช่น

          สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความผิดตามกฎหมาย แต่คนที่แสดงความเห็นกลับมุ่งประเด็นไปที่เหตุผลของการกระทํา ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกัน

© ให้เหตุผลโดยสร้างทางเลือกไว้แค่ 2 ทาง แต่ในความ เป็นจริงอาจมีทางเลือกอื่นอีกมาก เช่น

          ในการให้เหตุผลอาจมีปัจจัยอื่นๆมาประกอบ การตัดสินใจ ซึ่งไม่ได้มีแค่ 2 ทางเลือกเท่านั้น การที่ ไม่เห็นด้วยกับทางเลือกแรก ไม่จําเป็นจะต้องเลือก ทางเลือกที่ 2 เพราะอาจจะมีเหตุผลหรือทางเลือก อื่น ๆ มาประกอบการตัดสินใจ

© ให้เหตุผลโดยเบี่ยงเบนประเด็นการโต้แย้งของผู้อื่น ให้กลายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แล้วโจมตีจากประเด็นที่ถูก บิดเบือนนั้น เช่น

          เจตนาของนาย ก ต้องการสนับสนุนให้ นักเรียนนําสมาร์ตโฟนมาใช้ในการเรียน แต่นาย ข โต้แย้งโดยเบี่ยงไปประเด็นอื่นเพื่อโจมตีนาย ก

©  ให้เหตุผลโดยเชื่อคนที่มีชื่อเสียง เช่น

          สิ่งที่ออมทําไม่สมเหตุสมผล เพราะเครื่องสําอาง ที่ลิลลี่ใช้อาจไม่เหมาะกับออมก็ได้ เพราะฉะนั้น ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน

กิจกรรมที่ 1.2

1. วิเคราะห์เหตุการณ์ต่อไปนี้ว่าเป็นเหตุผลวิบัติหรือไม่ พร้อมระบุเหตุผลประกอบ 

© ครอบครัวที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกแล้วจะมีความสุข ครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์จะเป็นครอบครัวที่ไม่มีความสุข 

© ในช่วงนี้โรคพิษสุนัขบ้ากําลังระบาด แม่จึงไม่ให้ลูกไปโรงเรียนเพราะที่โรงเรียนมีสุนัขหลายตัว 

© เด็กชายหนึ่งเรียนหนังสือไม่เก่ง จึงถูกมองว่าจะสอบเรียนต่อในระดับชั้น ม.4 ไม่ได้ และในอนาคตจะตกงานและไม่ประสบความสําเร็จในชีวิต 

© นักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งขับขี่มอเตอร์ไซค์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย เพราะเห็นว่าที่ผ่านมารุ่นพี่ก็ไม่ได้สวมเหมือนกัน 

© จากงานวิจัยพบว่า จังหวัดที่ประชากรมีความสุขมากที่สุด คือ จังหวัดสิงห์บุรี แสดงว่าคนที่อยู่ภาคกลางจะมีความสุขมากที่สุดในประเทศ 

© หญิงคนหนึ่งไปขโมยนมผงในร้านสะดวกซื้อแล้วถูกจับดําเนินคดีตามกฎหมาย แต่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เพราะหญิงคนนั้นไม่มีเงินซื้อนมไปให้ลูกที่เพิ่งคลอด © คนที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยและถูกครูตําหนิอยู่เสมอ จะทําให้เขาเรียนหนังสือไม่เก่ง และเข้ากลุ่มกับคนที่แต่งตัวเรียบร้อยไม่ได้ 

© นกประหลาดบินมาเกาะหลังคาบ้านหลังหนึ่ง วันต่อมามีคนในบ้านหลังนี้เกิดอุบัติเหตุจนบาดเจ็บสาหัส การเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นผลมาจากนกประหลาดมาเกาะหลังคาบ้าน 

© ในวันครบรอบวันสถาปนาโรงเรียน ได้มีการทําบุญครั้งใหญ่และจัดงานรวมศิษย์เก่า ศิษย์เก่าที่ไม่ได้ มาร่วมงานแสดงว่าไม่รักโรงเรียน

2. ค้นหาข้อมูลข่าวหรือสถานการณ์

ที่สนใจแล้ววิเคราะห์ประเด็น เหตุผลวิบัติ พร้อมระบุเหตุผล ประกอบ

ใบกิจกรรมที่ 1.2 เรื่อง เหตุผลวิบัติ  

2066457.png

อ้างอิงจาก หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

                  สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ

bottom of page