
ว21172 เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)2
Benjamarachutit
Computing science2

1.3 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย
การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศมีวัตถุประสงค์ หลายอย่าง เช่น การใช้งานเพื่อทําธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (electronic transaction) การใช้งานเพื่อสนับสนุน การทํางาน และการใช้งานทั่วไป ซึ่งจะต้องคํานึงถึงความ ปลอดภัยในการใช้งาน
1.3.1 การทําธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์อย่างปลอดภัย
การทําธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ตหรือธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์นั้นกลายเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวคนไทย มากขึ้น หลังจากรัฐบาลไทยได้ให้ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ เปิดโครงการพร้อมเพย์ (prompt pay) เพื่อให้ทําธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น เช่น การโอนเงิน การชําระค่าสินค้าและบริการ
ในการทําธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ต้องระมัดระวังและมีความรอบคอบ เช่น การซื้อสินค้า ออนไลน์ ผู้ซื้อสินค้าไม่เห็นสินค้าจริง และไม่ได้รับสินค้าทันทีหลังจากชําระเงิน ซึ่งอาจเป็นช่องทาง ให้เกิดการฉ้อโกง เช่น ไม่ได้รับสินค้า สินค้าไม่มีคุณภาพ หรือสินค้าไม่ตรงตามข้อมูลที่ปรากฏ


การทําธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ มี 2 รูปแบบ คือ
1) การทําธุรกรรมโดยตรงระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ โดยผ่านเครือข่ายทางสังคมต่าง ๆ หรือผ่านเว็บไซต์ของผู้ขายเช่น การจองที่พักผ่านเว็บไซต์ของโรงแรม การสั่งซื้อมะพร้าวจากเว็บไซต์กลุ่มเกษตรกรจังหวัด
2) การทําธุรกรรมโดยผ่านผู้ให้บริการ เป็นรูปแบบการทําธุรกรรมที่มีผู้ให้บริการสนับสนุนการดําเนินการหรือตัวกลาง โดยผู้ให้บริการจะรวบรวมสินค้าและบริการต่าง ๆ ให้อยู่ในที่เดียวเพื่อง่ายต่อการเข้าถึงและใช้บริการ ของทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย การทําธุรกรรมในรูปแบบนี้ผู้ให้บริการส่วนใหญ่จะมีการตรวจสอบผู้ขายและเป็นเสมือน ผู้รับประกันทั้งในส่วนของสินค้า การให้บริการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อว่าจะไม่ถูกหลอกลวงจากการ ทําธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ การทําธุรกรรมในรูปแบบนี้คนกลางมักเป็นองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือและมี ชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับทั้งส่วนของผู้ขายและผู้ซื้อ อีกทั้งยังรับประกันการได้รับสินค้า ซึ่งทําให้ปัญหาต่าง ๆ ลดลง ตัวอย่างเว็บไซต์ที่เป็นตัวกลางในการให้บริการ เช่น ebay.Com, lazada.co.th, shopee.co.th
ข้อควรคํานึงในการทําธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์
ผู้ใช้บริการอาจถูกมิจฉาชีพฉ้อโกง โดยใช้กลยุทธ์เรื่องราคาและหลักจิตวิทยาในการล่อลวงให้กลุ่มเป้าหมาย เกิดความโลภ หรือเข้าใจผิด เช่น ขายสินค้าในราคาที่ต่ํากว่าปกติมาก ขายสินค้าลอกเลียน หรือละเมิดลิขสิทธิ์โดย ทําให้เข้าใจว่าเป็นสินค้าของแท้

นอกจากนี้ผู้ใช้บริการควรมีความระมัดระวังในการชําระค่าสินค้าหรือบริการ ซึ่งอาจมีหลายรูปแบบ เช่น
© ชําระเงินโดยการให้ผู้ซื้อดําเนินการโอนเงินผ่านธนาคาร แล้วส่งหลักฐานยืนยันเพื่อให้ผู้ขายส่งของภายหลัง
© ชําระเงินภายหลังจากได้รับสินค้ากับผู้ขายหรือผู้ให้บริการส่งสินค้า
© ชําระเงินโดยผ่านบัตรเครดิตหรือบัญชีธนาคาร ซึ่งใช้เพียงข้อมูลบางอย่าง เช่น ถ้าชําระเงินด้วยบัตรเครดิต
จะใช้เพียงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบัตร คือหมายเลขบัตร วันหมดอายุ รหัสซีวีวี (Card Verification Value: CVV) ที่อยู่ด้านหลังบัตรและจะมีการยืนยันด้วยการส่งรหัสผ่านแต่ละครั้ง (One Time Password: OTP) ผ่านทางโทรศัพท์มือถือหรืออีเมล หลังจากทําธุรกรรมเสร็จแล้วจะมีการแจ้งรายละเอียดการทําธุรกรรมผ่าน
ความมั่นใจในการทําธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ได้ หากผู้ให้บริการมีการยืนยันเพียงระดับเดียวอาจทําให้ไม่ปลอดภัย เช่น ถ้ามีการขโมยข้อมูลบัตรเครดิตมิจฉาชีพ ก็สามารถทําธุรกรรมได้เพราะไม่มีการยืนยัน
ตัวตนผ่านโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง
© บริการตัวกลางการชําระเงิน เช่น ผู้ให้บริการ
โทรศัพท์มือถือมีบริการรับชําระเงินโดยการ เติมเงินเข้าระบบและผูกบัญชีเข้ากับหมายเลข โทรศัพท์มือถือ ผู้ที่เป็นเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ สามารถโอน จ่ายและชําระค่าสินค้าและบริการ ได้เสมือนกับมีบัญชีธนาคาร
ข้อควรระวังในการซื้อแอปพลิเคชัน ไอเท็ม หรือการบริการ
1. เมื่อมีการชําระผ่านบัตรเครดิต หรือบัญชีธนาคาร ระบบปฏิบัติการจะบันทึกรายละเอียดไว้ ผู้ใช้งาน
ควรตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยไว้เสมอ ปิดหรือลบข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัญชีธนาคารทุกครั้ง ที่ใช้เสร็จแล้ว ซึ่งการลบข้อมูลเหล่านี้อาจจะทําให้ไม่ได้รับความสะดวกเมื่อจะชําระเงินครั้งต่อไป
แต่ก็สามารถป้องกันมิจฉาชีพในการโจรกรรมผ่านระบบ หรือการเผลอใช้บริการแบบไม่รู้ตัว
2. การสมัครบริการต่าง ๆ ที่มีการชําระค่าบริการรายเดือน ถึงแม้ว่าจะต้องการใช้เพียงเดือนเดียว แต่ผู้ให้
บริการส่วนใหญ่มักจะมีการหักเงินค่าบริการทุกเดือนแบบอัตโนมัติ เช่น เสียงเพลงรอสาย การฟังเพลง
หรือดูหนังออนไลน์
3. ระวังการคลิกลิงก์ที่โฆษณาผ่าน sms อาจจะเป็นการสมัครใช้บริการโดยอัตโนมัติทันที
เกร็ดน่ารู้
1.3.2 การรู้เท่าทันสื่อ
การรู้เท่าทันสื่อ หมายถึง ความสามารถในการป้องกันตนเองจากการถูกโน้มน้าวด้วยเนื้อหาที่เป็นเท็จ และมีผลกระทบต่อผู้รับสื่อ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือทางการตลาดหรือผลประโยชน์ที่สื่อนําเสนอ การรู้เท่าทันสื่อนั้น ผู้รับสารต้องสามารถตีความ วิเคราะห์ แยกแยะเนื้อหาสาระของสื่อ คิดก่อนนําสื่อ ไปเผยแพร่ สามารถตั้งคําถามว่าสื่อนั้นมีที่มาอย่างไร ใครเป็นเจ้าของสื่อ ใครผลิต และผลิตภายใต้ ข้อจํากัดใด ควรเชื่อหรือไม่ มีความเชื่ออะไรที่แฝงมากับสื่อนั้น ผู้สร้างหรือผู้เผยแพร่สื่อนั้นหวังผล อะไร ดังนั้นควรเลือกแนวปฏิบัติอย่างเหมาะสม
โดยทั่วไปแล้วการเข้าถึงเนื้อหาหรือข้อมูลข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ นั้น สามารถก่อให้เกิดประโยชน์ ต่อผู้รับสาร แต่ต้องสร้างการตระหนักรู้ถึงภัยคุกคามของสือที่มากับความอยากรู้อยากเห็นด้วย
การรู้เท่าทันสื่อสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ ดังนี้
ระดับที่ 1 ผู้รับสื่อตระหนักถึงความสําคัญของการเลือกและจัดสรรเวลาในการใช้สื่อต่าง ๆ การ
ระดับที่ 2 ผู้รับสื่อสามารถเรียนรู้ทักษะการรับสื่อแบบวิพากษ์ สามารถวิเคราะห์ และตั้งคําถามว่าสื่อถูกสร้างขึ้นได้อย่างไร และมีความน่าเชื่อถือหรือไม่
ระดับที่ 3 ผู้รับสื่อสามารถวิเคราะห์สื่อในเชิงสังคม การเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์ จนนําไปสู่การสร้างเวทีทางสังคม
1.3.3 ข่าวลวงและผลกระทบ
ข่าวลวง (fake news) เป็นรูปแบบหนึ่งของการก่อกวน ซึ่งข่าวลวงจะนําเสนอเรื่องราวที่เป็นเท็จ มีวัตถุประสงค์แอบแฝงที่แตกต่างกัน เช่น เพื่อขายสินค้า ทําให้เกิดความเข้าใจผิด สร้างความสับสน ให้แก่ผู้รับข้อมูล ข่าวลวงอาจแพร่ผ่านอีเมล หรือเครือข่ายทางสังคม โดยจะส่งผลให้เกิดความเสียหาย ทั้งส่วนบุคคล ทางด้านเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง ฯลฯ
ลักษณะของข่าวลวง เช่น
✿ สร้างเรื่องราวเพื่อให้เป็นจุดสนใจของสังคม
✿ สร้างความหวาดกลัว
✿ กระตุ้นความโลภ
✿ สร้างความเกลียดชัง
✿ ส่งต่อกันมาผ่านเครือข่ายทางสังคม
✿ ไม่ระบุแหล่งที่มา
✿ ขยายความต่อจากอคติของคนทั่วไปที่มีอยู่ก่อนแล้ว เพื่อหวังให้ ตนเองได้รับผลประโยชน์ หรือใช้เพื่อโจมตีคู่แข่ง
ดังนั้นผู้รับข่าวสารต้องมีวิจารณญาณเพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองและผู้อื่นตกเป็นเหยื่อของข่าวลวง เพื่อป้องกัน ความเสียหายต่อตนเองและสังคม
กิจกรรมที่ 1.3
ให้นักเรียนยกตัวอย่างสถานการณ์ข่าวลวง แล้ววิเคราะห์ถึงวัตถุประสงค์ และผลกระทบที่อาจ เกิดขึ้น หากมีการแชร์สู่สังคม
